ข้าพเจ้านางอุรา บุตรสาร เมื่อข้าพเจ้าเห็นผลที่เกิดจากการท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ ที่ทำให้ ข้าพเจ้า “หายป่วย” จากโรคกระดูกทับเส้นได้ ข้าพเจ้าก็ยิ่งเร่งท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ อยู่ตลอด เวลาไม่หยุดหย่อน คืนวันหนึ่งก่อนนอน ก็ได้นั่งท่องธาตุฯ ท่องได้สักพักจึงนอนท่องต่อท่องๆๆๆ จนจิตจดจ่ออยู่กับร่างกาย ตอนนั้นแยกร่างกายให้เห็นเป็นธาตุได้แล้ว ธาตุดินก็เป็นดินธาตุน้ำก็เป็น น้ำ ธาตุไฟก็เป็นไฟ ธาตุลมก็เป็นลม มันเป็นส่วนๆ ของมันอยู่ ขณะที่คิดแยกแยะอยู่นั้นเห็นตัวเรา อีกตัวหนึ่งมานั่งดูตัวที่นอนอยู่นั้น นอนน้ำลายไหลยืดๆๆ กรนดังคร้อกๆๆ อยู่ ตอนนั้นเห็นร่างที่นอน อยู่สกปรก อีกตัวที่นั่งดูอยู่นั้นมันสวยงามมาก มันไม่อยากจะเข้าไปในร่างกายที่นอนอยู่นั้นเลย พอรู้สึกตัวขึ้นมา จะว่าฝันไปก็ไม่ได้ฝัน ขณะนั้นคิดอยู่สักพักหนึ่งว่า “ตอนตาย เราต้องเป็นอย่างนี้ แหละ มันมาให้เราเห็นก่อน มันเหมือนคนตายไม่มีผิดเลย” ผ่านไปหลายเดือน มีอยู่วันหนึ่ง ประมาณ ๕ โมงเย็น ข้าพเจ้านั่งที่ชานกุฏิ นั่งคิดอยู่คนเดียว ตอนนั้นไม่มีเพื่อน ฝนจะตก ฟ้าก็ร้องเสียงดัง ลมก็พัดแรงมาก ข้าพเจ้านั่งกอดเข่าดูอยู่ เห็นต้นไม้ ถูกลมพัดเอนไปเอนมา แล้วกิ่งไม้ก็หักลง ฝนก็ตกลงมาพร้อมๆ กัน ก็ได้คิดถามตัวเองว่า “เรามาอยู่ที่นี่ทำไม? มาอยู่เพื่ออะไร?” นั่งคิดอยู่นั่นแหละ คิดๆๆๆ คิดไปคิดมา มองลงพื้นดินเห็นฝนที่ตกลงมาใส่ดิน จิตมันผุดเกิด ความรู้ในขณะนั้นว่า “อ๋อ... ดิน น้ำ ไฟ ลม นอกร่างกายเรานี้ มันเป็นธรรมชาติเกิดขึ้นเอง ไม่มีใครสร้าง” กิ่งไม้ใบไม้ร่วงเต็มพื้นดิน ย้อนมาดูที่ร่างกายเรามันก็เห็นเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นลม เป็นไฟ เหมือนกัน ตอนแรกจิตมันก็รู้สึกหดหู่ ว้าเหว่ คิดย้อนกลับไปถึงพ่อ แม่ พี่ น้อง ลูกเต้า เหล่ากออยู่ที่ไหน มองหาใครก็ไม่เห็น พอความจริงปรากฏให้เห็นว่าพ่อ แม่ พี่ น้องลูกเต้าเหล่ากอ ก็เป็นเพียงแค่ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม มันก็สบายใจ ทุกอย่างเกิดจากธรรมชาติก็ลงสู่ธรรมชาติ ต่อมาหลังจากนั้น ในคืนวันหนึ่ง ได้ท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ ก่อนนอน ในบรรดาธาตุทั้ง ๔ นี้ สำหรับข้าพเจ้าแล้วจะเห็นธาตุไฟเด่นกว่าทุกธาตุ ไฟตัวนี้เผาได้ทุกอย่าง ไฟในร่างกายก็เผาจิตเผาใจของคนผู้มีความโกรธ ไฟนอกร่างกายคือไฟในเตาก็ทำอาหารได้ คิดไป ถึงตอนต้มน้ำร้อน ไฟไหม้กาน้ำร้อนจนก้นกาน้ำทะลุกลวงโบ๋ ก็โยนมันเข้าไปในป่า พอคิดมาถึงตรง นี้จิตสงบลงพรึบ เกิดแสงสว่างเจิดจ้า แผ่รัศมีไปทั่วจักรวาล มองไปทางไหนก็สว่างไปหมดทั้งๆ ที่เราอยู่ในป่าเต็มไปด้วยต้นไม้ภูเขา ขณะนั้นข้าพเจ้านั่งอยู่ที่ระเบียงกุฏิ แต่มองไม่เห็นมีกุฏิ ต้นไม้ ศาลา ภูเขา พื้นดิน ก็ไม่มี ตัวตนร่างกายของข้าพเจ้าก็ไม่มี มันจะมีแต่ผู้ดูกับผู้รู้เท่านั้นดูอยู่ได้ สักพักก็ได้ยินเสียงดังขึ้นว่า “...นานทีจะมีปรากฏการณ์ธรรมชาติให้เห็น จะเห็นได้เฉพาะตน” เกิดอยากจะเรียกคนให้มาดู แต่มองหาใครไม่เห็น มันน่าอัศจรรย์มาก แสงนี้มาจากท้องฟ้า แหงนขึ้นมองดูมันจะอยู่ตรงศีรษะพอดี ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงคืน ตั้งแต่นั้นมาจิตมันจะตื่น และเบิกบานอยู่ตลอด ไม่ง่วง จิตจะมีอานุภาพและพลังในตัวของมันเอง พูดไปพูดมาน้ำตามันก็ ไหลเพราะมันอัศจรรย์ในหัวใจ ต่อจากนั้นมา ถึงแม้จะนอนไม่หลับก็ไม่เกิดอาการง่วง (จิต)ไม่รู้ กลางวันกลางคืน จิตมันไม่ยอมนอน ร่างกายมันอยากจะนอนแต่กลับนอนไม่ค่อยหลับ แต่ละคืน ได้หลับสักสองสามชั่วโมงก็ยังดีร่างกายจะได้พักบ้าง อ้อ... เรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้านี้ ไม่ใช่ว่าจะเกิดกับทุกๆ คนที่มาปฏิบัติด้วยการท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ และคิดพิจารณาแยกแยะ ร่างกายอาจเรียกได้ว่า “ของใครของมัน” ก็แล้วกันนะ ใช่ว่าจะเหมือนกันไปซะทุกราย ทุกวันนี้ข้าพเจ้าได้ท่องธาตุฯ และแยกแยะร่างกาย สลับกับการพิจารณาดูขันธ์ ๕ เกิด-ดับ จิตใจก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ข้าพเจ้าไม่คิดเลยว่าชาตินี้จะมีบุญได้รู้จักพระธรรมคำสั่งสอนของ พระสัมมาส้มพุทธเจ้า แต่บัดนี้ข้าพเจ้าไม่มีความสงสัยในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอีก. นางอุรา บุตรสาร
เนื่องจากคณะผู้จัดทำมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเผย
แผ่คำสอนของพระพุทธเจ้า
และเปิดเผยความจริงโดย
ไม่มีวัตถุประสงค์อื่น
สื่อจากสำนักปฏิบัติธรรม
ดอยเวียงเกี๋ยงวนาแจกฟรีไม่มีการขาย