ดูก่อน อานนท์ ธรรมก็ดี วินัยก็ดี อันใด อันเรา
แสดงแล้ว ได้บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น
จักเป็นศาสดา แห่งพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา

(พระไตรปิฎก ชุด ๙๑ เล่ม มหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม ๑๓ หน้า ๒๓๐ สีน้ำเงิน)

หมอบกฉันว่าฉันเป็นโรคตับ

  ข้าพเจ้า นางสา   แก้วตรง อายุ ๗๐ ปี ป่วยหนักไปหาหมอที่โรงพยาบาลมาแล้ว 
๒ โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าฉันเป็น “โรคตับ” ตัวก็เหลือง ตาก็เหลืองฉันกินข้าวไม่
ได้อยู่ ๒ เดือนกินแต่น้ำ จนฉันว่าฉันจะตายแล้ว พวกลูกๆก็เลยพาฉันไปหาพระอาจารย์
ที่ดอยเวียงเกี๋ยงเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๒ พอฉันขึ้นไปพระอาจารย์บอกว่าฉันเป็น
โรคที่เกี่ยวกับ“อมนุษย์สิง” พระอาจารย์ให้ฉันรับ “พระไตรสรณคมน์” แล้วให้ท่อง
ธาตุกัมมัฏฐาน ๔ โดยพระอาจารย์ได้อธิบายให้ฟังว่า“อตมาได้ค้นคว้าในพระไตรปิฎก
เห็นในพระสูตรเรื่องหนึ่งที่ได้กล่าวถึงเรื่องของการรักษาโรคที่เกี่ยวกับการก่อกวนของ
อมนุษย์ ด้วยการเจริญกายาคตาสติ ว่าสามารถป้องกันการก่อกวนของอมนุษย์ได้
เพราะฉะนั้นถ้าอยากหายให้ท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ อมนุษย์จะไม่มาก่อกวนได้อีก
ถ้ามันสิงอยู่ในตัวเรามันก็ทนอยู่ไม่ได้“ฉันก็เลยตั้งใจท่องติดต่อกันสามวันสามคืน ไม่หลับไม่นอนเลยเพราะความกลัวว่าจะไม่หาย พอถึงคืนที่สี่ประมาณตีสองฉันนั่ง
ท่องธาตุ ๔ อยู่ฉันก็มีอาการหวามๆในตัว แล้วตาก็เกิดสว่างจ้าขึ้นมาเหมือนอย่าง
กลางวันเลยนะ เห็นโครงกระดูกอยู่ตรงหน้า ฉันก็ตกใจกลัว ฉันก็ยิ่งท่องธาตุ ๔ เร็วยิ่ง
ขึ้นความกลัวก็หายไป พอตื่นเช้ามาจะพูดให้ใครฟังก็ไม่กล้า กลัวเขาไม่เชื่อ ประมาณ
สองสามวันจึงพูดให้แม่ลำที่ขึ้นมาถือศีลบนดอยฟังเขาก็บอกว่านั้นแหละคือ “ธรรมะ”
ฉันก็ยิ่งท่องธาตุ ๔ มากยิ่งขึ้นเพราะอยากรู้ธรรมะ ท่องทั้งกลางวันกลางคืน ยืน เดิน
นั่ง นอน ก็ท่องอยู่อย่างนั้นจนอาการป่วยของฉันหายดี กินข้าวได้ร่างกายกลับมาดี
เหมือนเดิม พระอาจารย์บอกว่า “แม้จะหายดีแล้วก็ให้ท่องต่อไปอย่าหยุดท่อง” ฉันก็ท่องอยู่เป็นประจำ... อยู่มาวันหนึ่งประมาณตีสาม ในขณะที่ฉันท่องธาตุ ๔
อยู่จิตฉันก็เกิดความสงบขึ้น พอจิตสงบลงพรึบ! ตาฉันก็สว่างจ้าขึ้นอีกเหมือนครั้งก่อน
มองไม่เห็นตัวเองเลยก็เลยสงสัยว่า เอ... ทำไมมองดูตัวเองมันไม่เห็นตัวเองเลย
ก็เอามือมาคลำที่หน้าอกดูมันก็มีอยู่เหมืนเดิมนี่ จึงนึกถึงคำของครูบาอาจารย์ที่ท่านบอก
ว่ามันไม่มีตัวตน มันเป็นอนัตตา อยู่ต่อมาฉันก็ท่องของฉันอยู่ไม่ได้ลดละ จิตฉันก็สงบ
ลงอีกพรึบ! ตาฉันก็สว่างจ้าขึ้นอีกมองเห็นตัวเจ้าของเองอีกตัวนั่งอยู่ตรงหน้า เหมือน
กันกับตัวฉันเลย ต่างกันตรงที่ร่างที่ฉันเห็นนั้นเส้นผมสีขาวเสื้อก็ขาว ร่างกายขาวไปหมด
จึงสงสัยว่าเอ... ทำไมเรามีสองตัว เราเป็นบ้าหรือเปล่าหนอ?ไปเล่าให้ท่านครูบาสินฟัง (พระอีกรูปหนึ่งที่ปฏิบัติธรรมอยู่กับพระอาจารย์) ท่านก็บอกว่า “แม่สาไม่ได้เป็นบ้าหรอก อาตมาก็อยากเป็นแบบแม่สาแต่มันก็ไม่เป็น” ท่านก็บอกให้ท่องธาตุ ๔ ไปเรื่อยๆ อยู่มาวันหนึ่งจวนจะออกพรรษาเหลืออีก ๗ วัน
ฉันเดินจงกรมท่องธาตุ ๔ อยู่คนเดียว เดินท่องได้ประมาณ ๓ ชั่วโมงจิตฉันก็สงบลง
อีกแต่ครั้งนี้จิตมันไปรับรู้ “ทุกข์” ต่างๆของตนเองตั้งแต่สมัยเป็นเด็กๆ อายุได้สามขวบ
แม่ก็ตายจากไป ฉันคิดถึงแม่มาก ฉันก็ท่องธาตุ ๔ อยู่อย่างนั้น น้ำตาก็ไหลออกมา
อย่างไม่ขาดสาย เห็นความทุกข์ต่างๆนาๆประการเกิดขึ้นกับจิต จิตก็รับรู้เรื่องราวของทุกข์
ไปเรื่อยๆพร้อมกับการท่องธาตุ ๔ นี่แหละคนเราชีวิตจริงๆแล้วมีแต่ความทุกข์ แต่คนเรา
ไม่รู้สึกตัวว่าเราทั้งหลายตกอยู่ในกองทุกข์ แม้จิตฉันจะรับรู้เรื่องของทุกข์ แต่ฉันไม่มี
ความทุกข์ในขณะนั้นเลย นี่คงเป็นอานุภาพของการท่องธาตุกัมมัฏฐาน ๔ แน่ๆ
ทุกวันนี้ฉันมีความสบายกายสบายใจขึ้นเยอะ จึงอยากให้ชาวพุทธทั้งหลายท่อง
ธาตุกัมมัฏฐาน ๔ ลองดูบ้าง นี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับฉันเอง สุขภาพร่างกายก็ดีขึ้น โดยไม่ต้องกินยาเลย. นางสา แก้วตรง บ้านสารภี หมู่ ๑๘ ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จ.เชียงราย
ประกาศ

เนื่องจากคณะผู้จัดทำมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเผย
แผ่คำสอนของพระพุทธเจ้า
และเปิดเผยความจริงโดย
ไม่มีวัตถุประสงค์อื่น


สื่อจากสำนักปฏิบัติธรรม
ดอยเวียงเกี๋ยงวนา
แจกฟรีไม่มีการขาย

 

ธรรมะ
เสียงธรรม

 ส่วนสุด(โต่ง) และ การปฏิบัติต่อความทุกข์

 ระวังใจ

 ติดดี

 จุดประสงค์ของการรักษาศีล

 กิเลสกับเรา

 ยากที่ด่านแรก

 ฝึกทำสมาธิโดยอาศัยความคิด

 ปัญญา. รู้ชัดการละ

 โลกนี้ตั้งอยู่ได้ด้วยการให้

 เทศน์วันถวายโรงครัว 1 ระลึกถึงความตายกับการเข้าสู่มรรค

 เทศน์วันถวายโรงครัว 2 จิต-สติ-ความคิด สักกายทิฏฐิ-วิจิกิจฉา-สีลัพพตปรามาส

 เทศน์วันถวายโรงครัว 3 _สมาธิ ๔ ประเภท

 เทศน์วันถวายโรงครัว

 เคล็ดการดู(สัญญา)ขันธ์

 เครื่องคุ้มครองผู้ปฏิบัติ

 อ.ต้น สอนนั่งสมาธิ

 ผู้กล้าหรือผู้กลัว

 ที่พึ่งในใจจริงๆ

 ชอบ-ชัง ภาค 2

 ฉฬายตนวิภังคสูตร

 องค์แห่งโพชฌงค์ในจิต

 เมตตาจิตกับการก้าวล่วง

 ศาสนาแห่งความกล้า

 ฟังด้วยดี ย่อมได้ปัญญา

 โปฏฐปาทสูตร 2